สร้างสุขให้ชีวิต...ด้วยเสียงหัวเราะ


ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีต่างๆ ดูเหมือนจะทำให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายขึ้น แต่สิ่งที่สวนทางกับปัจจัยเหล่านี้กลับกลายเป็น ความทุกข์ ความเครียด และโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมา ซึ่งมีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันได้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า มนุษย์เราจะต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่เกิดจากความเครียด และภาวะซึมเศร้าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ แต่มียาชนิดหนึ่งที่สามารถรักษาโรคเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ดีนั่นคือ "เสียงหัวเราะ" ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จึงได้จัดเสวนาขึ้นในหัวข้อ "มาร่วมกันหัวเราะ เพาะสุขภาพชีวิต" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมี ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ประธานชมรมหัวเราะแห่งประเทศไทย ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเสียงหัวเราะ

ดร.วัลลภบอกว่า การหัวเราะของมนุษย์มี 2 ลักษณะ คือ 1.หัวเราะธรรมชาติ คือหัวเราะเมื่อได้ยินหรือพบเห็นเรื่องที่ตลกขบขัน ซึ่งจะต้องมีสิ่งมากระตุ้นให้รู้สึกขบขันและหัวเราะออกมา 2.การหัวเราะบำบัด เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยคนที่มีปัญหาในเรื่องของการหัวเราะ หรือมีปัญหาและโรคภัยอันเกิดมาจากภาวะความเครียดและซึมเศร้า

การหัวเราะบำบัดนั้นเป็นการออกกำลังกายภายใน เช่น ถ้าหากเราเต้นแอโรบิค 30 นาที ก็จะเท่ากับหัวเราะอย่างต่อเนื่องเพียง 5 นาที จากสถิติพบว่าคนอ้วนที่เคยเข้าร่วมหัวเราะบำบัดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 สัปดาห์ น้ำหนักลดลง 3-4 กิโลกรัม โดยไม่ได้อดอาหารหรือลดอาหารเลย

ดร.วัลลภบอกด้วยว่า การหัวเราะบำบัดสามารถฝึกได้เองด้วยวิธีง่ายๆ คือ อ้าปากกว้างๆ แล้วเปล่งเสียง "โอ" หรือ "อา" ออกมาหลายๆ ครั้งอย่างต่อเนื่อง การฝึกหัวเราะบำบัดไม่ใช่แค่หัวเราะเฉพาะปากเพื่อให้เกิดเสียงเพียงเท่านั้น แต่ต้องทำให้ทั้งร่างกายหัวเราะตามไปด้วย นั่นก็คือ สมอง ขา แขน ไหล่ อก ท้อง และเมื่อเริ่มฝึกอย่างต่อเนื่องจะพบว่าทุกส่วนของร่างกายจะโล่ง โปร่ง เบา และสบายขึ้น อาการไม่สบายต่างๆ ก็จะหายไปด้วยและความสดชื่นก็จะเข้ามาแทนที่ ดังนั้นคนที่เข้าสู่กระบวนการฝึกหัวเราะบำบัดจะมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น

เพียงแค่เสียงหัวเราะก็สามารถสร้างสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตได้มากมายทั้งจิตใจและร่างกาย รวมถึงได้มิตรภาพจากคนรอบข้างอีกด้วย วิธีง่ายๆ แบบนี้ใครสนใจทำได้เลย

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : saladtv.kr