เด็กเกาหลี กับงาน Part-Time


เด็กเกาหลี กับงาน Part-Time
ในประเทศไทยยังมีค่านิยมที่ไม่ค่อยดีมากนักต่อการทำงานพิเศษ บางคนอาจไม่กล้าทำเพราะกลัวเพื่อนมาเจอแล้วจะอาย หรือบางคนมองว่า คนที่ทำงานพิเศษคือคนที่บ้านฐานะไม่ดี
แต่ที่เกาหลีใต้ เรื่องทำงานพิเศษเป็นอะไรที่สำคัญมาก แทบจะเป็นอะไรที่เรียกว่า MUST DO ของนักเรียนเกาหลีทีเดียว

ทันทีที่ขึ้นมัธยมปลาย หลายคนจะรีบหางานพิเศษทำ ซึ่งงานพิเศษ หรืองานพาร์ทไทม์ในภาษาเกาหลีเรียกว่า 아르바이트 (อา-รือ-บา-อี-ถึ) หรือเรียกย่อๆ ว่า 알바(อัลบา) คือถ้าใครดูซีรีส์เกาหลีบ่อยๆ จะสังเกตได้เลยว่า ตัวเอกในหลายๆ เรื่องก็จะทำอัลบานี้ด้วย ดังนั้น KoreanKori ตอน 18 เราจะพูดถึงอัลบากัน

โดยรวมแล้ว การทำงานพาร์ทไทม์ของเด็กเกาหลีนั้นไม่ได้ต่างจากเด็กไทยอย่างสุดขั้ว แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว จากข้อมูลและสอบถามจากหลายๆ คน มีความต่างกัน 2 อย่าง

1. ที่เกาหลีจะมีชนิดงานให้ทำเยอะกว่ามาก อย่างในไทยก็จะเน้น ตามพวกร้านอาหารกับตามซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นส่วนมาก แต่ที่
เกาหลีเนี่ย ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เช่น คนเฝ้าร้าน อินเตอร์เน็ต คนเฝ้าออฟฟิศ คนส่งของ คนเลี้ยงเด็ก คนรับโทรศัพท์
2. การทำงานพาร์ทไทม์สำหรับเด็กเกาหลีเหมือนเป็น "หน้าที่" อย่างหนึ่ง เป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำกันและรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเพื่อหาประสบการณ์

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น มีบทสัมภาษณ์จากคนเกาหลีซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว โดยที่เริ่มทำงานพิเศษตั้งแต่อยู่ม.ปลาย เก็บประสบการณ์มาแล้วอย่างโชกโชนมาก 
มาฟังกันดีกว่าว่า ผ่านอะไรกันมาบ้าง

1. งานเสิร์ฟในร้านอาหาร

ใครๆ ก็คิดว่าเป็นงานที่ง่าย แต่จริงๆ แล้วค่าแรงงานนี้น้อยทีเดียวล่ะ ข้อมือจะ
หัก TT แถมการทำงานในร้านอาหารนั้น เราก็จะได้กลิ่นอาหารตลอดเวลา
บางทีถึงกับมึนจนอยากจะอาเจียนออกมา เวลาเสิร์ฟก็ต้องแสดงสีหน้ายิ้มทั้งๆ ที่
จะทนไม่ไหว อีกอย่างการทำงานที่นี่ เหมือนจะทำให้เป็นโรคประสาทด้วย  หรือบางทีเจอลูกค้ากลุ่ม
ใหญ่มากัน 10 คน สั่งอาหารไม่ซ้ำกันเลยแทบจะร้องไห้ออกมา อีกอย่างงานนี้ไกลบ้านด้วย เลิกงาน 4 ทุ่ม รถก็ติด เลยเลิกทำ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : การทำงานที่ไกลบ้านนั้นมันเหนื่อยจริงๆ / เป็นงานหนักแต่เงินน้อย

2. พนักงานทำพิซซ่า

งานนี้ทำเลิกดึกมากคือเที่ยงคืน แต่ใกล้บ้านมาก พ่อเลยอนุญาตให้ทำ แต่บอกตรงๆ ว่าเป็นงานที่ทำไปทำมาแล้วอ้วนขึ้น เพราะวันๆ กินแต่พิซซ่ากับสปาเกตตี้แถมข้างๆ กันยังมีร้านขายไก่อีกด้วยเผอิญฉันสนิทกับเจ้าของร้านขายไก่ด้วย
เลยกินกันท้องแตกเลย แถมคนที่ทำงานส่งพิซซ่าก็เป็นน้องๆ ที่สนิทกัน พอได้ทำงานด้วยกันก็เลยสนุกมาก โดยรวม
เป็นงานที่สนุก แต่หากทำพลาดก็ GameOver เลยค่ะ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : ใครชอบกินพิซซ่าเหมาะจะทำงานที่นี่มาก / ใครอยากอ้วนก็มาทำงานที่นี่ได้ / เลือกร้านที่คนไม่เยอะมากก็จะดี เพราะถ้าคนเยอะจะเหนื่อยมาก

3. พนักงานรับโทรศัพท์

หน้าที่ก็คือคอยรับสายของลูกค้าที่โทรเข้ามาปรึกษาหรือสอบถามสินค้า แน่นอนว่าเวลาพูดก็จะเสียงเย็นชาเพราะเป็นงานน่าเบื่อ บางครั้งทำๆ ไปก็ถามตัวเองว่าเราทำอะไรเนี่ย...
เป็นงานที่เรียนรู้งานแค่ชั่วโมงเดียวแล้วเจ้านายก็ให้เริ่มงานเลย ถ้าเทียบกับงานอื่นแล้ว งานนี้ถือว่าได้เงินเยอะกว่าเล็กน้อย แต่ก็คุ้มเพราะต้องแลกกับความเครียดที่คุยกับลูกค้า

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : ถึงเป็นงานที่ไม่เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจมากสุดๆ

4. คนแจกใบปลิว

ต่อมาคืองานแจกใบปลิว บอกตรงๆ ว่าเป็นงานที่บางคนไม่อยากทำ เพราะบางทีเจอเพื่อนอาจจะรู้สึกอายได้...แต่ฉันก็ต้องทำเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีวิตอะนะ  อย่างฉันเคยแจกใบปลิวของร้านขายโทรศัพท์มือถือ ก็เคยเจอคุณยายคนหนึ่งที่มือถือพังเลยเอามาซ่อม เลยถือโอกาสฝากใบปลิวกองใหญ่ไปให้คุณยายแจกลุงป้าน้าอาในบ้าน แต่สุดท้ายร้านมือถือนั้นก็เจ๊ง ฉันเลยเลิกทำ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : ค่าแรงน้อยมาก / ปวดขา/ ไม่ต้องใส่ใจสายตาคนรอบข้างมากนัก

5. พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถยนต์

มีงานพิเศษแบบนี้ด้วย หน้าที่คือต้องตรวจสอบคุณภาพพวกรถ อย่างเช่นรถยนต์ ก็ต้องดูว่ามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามที่กำหนดมั้ย หรืออย่างจักรยานนั้นสามารถขี่ได้ดีหรือเปล่า จริงๆ
งานนี้เป็นงานที่คนสมัครเยอะมากจริงๆไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเพราะเป็นงานที่
เงินดีด้วยมั้ง ฉันตั้งใจจะทำไปเรื่อยๆ จนเข้าหน้าหนาวซึ่งหนาวมากสุดๆ ก็ทำต่อไปไม่ไหว รวมถึงรถที่ต้องตรวจสอบก็ตรวจสอบจนครบแล้ว สุดท้ายจึงเลิกทำ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : การทำงานเพียงระยะสั้นๆ นั้นไม่ดีหรอกนะ

6. เจ้าหน้าที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ในโรงแรม

ฉันสมัครงานนี้ไปทั้งๆ ที่เขากำหนดความสูงที่ 165 แต่ฉันสูงแค่ 158 โชคดีที่เขาเรียกไปสัมภาษณ์ ตอนไปสัมภาษณ์นั้นมีทั้งหมด 25 คน แต่ละคนสูงๆ ทั้งนั้น แล้วฉันมาได้ไงเนี่ย TT แต่ฉันก็ตั้งใจมากๆ สุดท้ายก็ได้งาน แต่เงินที่ได้จริงๆ ไม่ได้เยอะอะไรมาก แค่พอซื้อข้าวกินได้ แต่ข้อดีของการทำงานนี้คือทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นด้วยล่ะ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : ความสูงไม่ใช่เรื่องสำคัญในการทำงานเสมอไป

7. คนช่วยในงานเลี้ยงฉลอง

ส่วนมากจะเป็นงานแต่งงาน ขอบอกว่าเป็นงานที่ตื่นเต้นและประหม่ามาก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะถ้าเราทำผิดพลาดไป มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ นี่มันเป็นงานแต่งงานของคนอื่นนะ ขอบอกว่ามีเวลาเรียนรู้งานแค่ 10 นาทีเอง จากนั้นก็ต้องเริ่มงานเลย
เป็นงานที่ยากมากสุดๆ ต้องเรียนรู้เยอะ! แน่นอนว่าเวลาไปช่วยงาน ก็จะได้เห็นเจ้าบ่าวเท่ๆหล่อๆ ที่อ่านจดหมายรักและใส่สร้อยคอให้เจ้าสาว จากนั้นเจ้าสาวก็ร้องไห้

8. งานเลี้ยงเด็ก

เป็นงานตามเนิสเซอรี่ต่างๆ หน้าที่ก็คือเล่นและเลี้ยงเด็ก สนุกมาก ปกติฉันชอบเด็กอยู่แล้ว เห็นทีไรก็อยากจะเข้าไปหอมแก้ม เวลาเด็กจะล้ม ก็ต้องคอยช่วยประคอง หาของเล่นให้เด็กเล่น บางครั้งเด็กก็ชอบตีกันไม่ก็ตีฉันนี่แหละ พอหันหลังให้ก็ตีอีกแล้ว! พอเห็นอย่างนี้ก็คิดได้ว่า หากมีลูกขึ้นมา ฉันจะต้องเลี้ยงเขาอย่างดีเลยล่ะ โดยรวมก็เป็นงานที่ลำบากเหมือนกัน

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : เป็นงานที่ยาก / การเลี้ยงเด็กมันยาก / คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเลี้ยงลูกให้ดีนะคะ

9. พนักงานร้านบุฟเฟ่ต์ & เช็ดจาน &ติดป้ายสติ๊กเกอร์เข้าคิวให้ลูกค้า

ร้านบุฟเฟต์ที่ฉันทำเป็นร้านใหญ่มาก จึงต้องทำหลายหน้าที่ เวลาที่ลูกค้ามาตักอาหารไป ก็มักมีเศษอาหารหกอยู่เรื่อยๆฉันก็มีหน้าที่เช็ด หากจานหมด ก็ต้องไปยกจานจากในครัวมาวางเพิ่ม พอถังขยะเต็มก็ยกไปทิ้ง อีกหน้าที่คือเช็ดจานช้อน ส้อม มีด เป็นงานที่สามารถนั่งเช็ดได้ ดังนั้นจึงไม่ลำบากอะไรนัก และอีกหน้าที่คือการติดป้ายสติ๊กเกอร์ให้ลูกค้าที่เข้าคิวรอ งานง่ายๆ ก็แค่นับจำนวนคนและติดสติ๊กเกอร์ที่เสื้อตามคิวใครมาก่อนมาหลัง หากไม่มีลูกค้ามายืนรอ
ฉันก็ต้องไปยืนเป็นแคชเชียร์คิดเงิน โดยรวมแล้วเป็นงานที่เหนื่อยจนอยากจะเป็นลมเหมือนกัน กลับบ้านมานี่หมดแรงสุดๆ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ : การทำงานในร้านใหญ่ๆนี่มันเหนื่อยสุดๆ

เด็กเกาหลี กับงาน Part-Time


หลายคนอาจจะสงสัยต่อว่า อ๊ะ แล้วถ้าเราไปเรียนที่เกาหลี เค้าจะอนุญาตให้คนต่างชาติทำงานแบบนี้ได้มั้ย? ................ คำตอบคือ ทำได้ค่ะ 
แต่ต้องเรียนเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน รวมถึงต้องพูดภาษาเกาหลีได้ดีมาก 
(เพราะไม่งั้นก็จ้างคนเกาหลีแท้ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ) 
ดังนั้นนักเรียนไทยที่ไปเรียนเกาหลี ก็นิยมทำงานที่ต้องจ้างคนต่างชาติจริงๆ เช่น พนักงานขายในร้านเครื่องสำอาง(ไว้คอยพูดภาษาไทยกับนักท่องเที่ยวไทยที่มาซื้อของ) อะไรทำนองนี้

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : dek-d.com