สิทธิประโยชน์จากการประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน

การประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน

สิทธิประโยชน์จากการประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน มีดังนี้

(1) ค่ารักษาพยาบาล (Medical Care Benefits) เป็นเงินที่จ่ายให้แก่แรงงานที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจาก การทำงาน ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป ได้แก่ ค่าตรวจวินิจฉัย ค่ายา ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่าอวัยวะเทียม ค่าส่งต่อ
(2) ค่าทดแทนกรณีทุพลภาพชั่วคราว (Temporary Disability Benefits) เป็นเงินที่จ่ายให้แก่แรงงานในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายวันเฉลี่ย เพื่อทดแทนการขาดรายได้ระหว่างรับการรักษาพยาบาล
(3) ค่าทดแทนรายปี (Injury-disease compensation Annuity) เป็นเงินที่จ่ายให้แรงงานที่ได้รับการรักษาพยาบาลมานานกว่า 2 ปี แต่ยังไม่สิ้นสุดการรักษา จำนวนค่าทดแทนขึ้นอยู่กับระดับความพิการ ดังนี้
@ ความพิการระดับที่ 1 ได้รับค่าทดแทน 329 วันของค่าจ้างเฉลี่ย
@ ความพิการระดับที่ 2 ได้รับค่าทดแทน 291 วันของค่าจ้างเฉลี่ย
@ ความพิการระดับที่ 3 ได้รับค่าทดแทน 257 วัน ของค่าจ้างเฉลี่ย
(4) ค่าทดแทนกรณีทุพพลภาพถาวร (Permanent Disability) เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับแรงงานที่ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยจนพิการทางร่างกายหรือจิตใจ จำนวนเงินทดแทนขึ้นอยู่กับระดับความพิการ
(5) ค่าดูแล (Nersing Benefits) สำหรับแรงงานที่สิ้นสุดการรักษาพยาบาลแล้วแต่ยังจำเป็นต้องมีผู้ดูแลเป็นประจำหรือครั้งคราว
(6) ค่าทดแทนแก่ทายาท (Survivors Benefits) เป็นสิทธิประโยชน์ที่จ่ายแก่ทายาท หรือ ผู้อยู่ในอุปการะของแรงงานที่เสียชีวิตจากการทำงาน โดยเหมาจ่ายให้จำนวน 1,300 วันของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน
(7) ค่าจัดการงานศพ (Funeral Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายจริงที่จ่ายให้แก่ผู้จัดการศพของแรงงานที่เสียชีวิตจากการทำงาน โดยคำนวณจ่ายเท่ากับ 120 วันของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 7,525,000 วอน และไม่เกิน 10,814,947 วอน

เงื่อนไขและแนวปฏิบัติในการรับเงินทดแทน
(1) กรอกแบบฟอร์มการได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน (3 ชุด) การได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ(ถ้ามี) และการเรียกร้องสิทธิในการรักษาพยาบาล พร้อมลง ลายมือชื่อแรงงานผู้ประสบอันตราย หรือทายาท นายจ้าง และสถานพยาบาล
(2) บันทึกการบาดเจ็บ ระบุวันที่ประสบอันตราย และรายละเอียดอื่นๆ
(3) ส่งเอกสารทั้งหมดไปยังสำนักงานสวัสดิการแรงงาน (Korea Labour Welfare Corporation : WELCO) พร้อมหลักฐานประจำตัว ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทาง, สำเนาบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว, สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากซึ่งมีชื่อแรงงานหรือทายาท, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบ้านของทายาท

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

การประกันสุขภาพของแรงงานไทย


ฎหมายประกันสุขภาพของสาธารณรัฐเกาหลี กำหนดให้นายจ้างต้องสมัครประกันสุขภาพให้แรงงานต่างชาติ (วีซ่า E 9)  ภายใน 14  วัน นับจากวันทำสัญญาจ้าง โดยนายจ้างและลูกจ้างจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพฝ่ายละ 50 %  ผู้เอาประกันจะได้รับบัตรประกันสุขภาพภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันสุขภาพ เพื่อใช้แสดงตนเมื่อขอรับบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้   ผู้เอาประกันจะได้รับการคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ใช่สาเหตุมาจากการทำงาน 

ระบบประกันสุขภาพของสาธารณรัฐเกาหลีเป็นระบบร่วมจ่าย แม้ผู้ป่วยจะมีประกันสุขภาพแล้วก็ตาม ผู้ป่วยจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทุกครั้งที่พบแพทย์ โดยมีอัตราการร่วมจ่ายระหว่าง 20 – 60 % ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสุขภาพกำหนด ขึ้นอยู่กับประเภทการรักษาพยาบาล (ผู้ป่วยนอก/ผู้ป่วยใน) และสถานพยาบาล เช่น คลินิก โรงพยาบาลทั่วไป  โรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค   
ในกรณีของแรงงานต่างชาติอยู่ทำงานอย่างผิดกฎหมาย จะไม่สามารถสมัครประกันสุขภาพของรัฐได้ 

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้าง (แทจิกกึม)

เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้าง (แทจิกกึม)

 เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเงินแทจิกกึม    เป็นเงินที่นายจ้างในสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 5 คนขึ้นไป จ่ายให้กรณีแรงงานต่างชาติทำงานกับนายจ้างไม่น้อยกว่า 1 ปีเป็นเงินมูลค่า   เท่ากับค่าจ้าง 30 วัน โดยนายจ้างจะต้องจ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของการทำงาน   หากนายจ้าง ฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านวอน

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

50 คำคมดีๆ


1.คาดหวังให้สูงเข้าไว้และแน่นอนว่าต้องเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังด้วย
2.ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
3.ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้
4.คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้
5.อุปสรรคล้วนเป็นยาขม ไม่มีใครอยากลิ้มลอง แต่ขึ้นชื่อว่ายาขม ส่วนใหญ่มักเป็นยาดีเสมอ
6.ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ความสุขในคราวต่อมาเป็นความสุขที่แท้จริง
7.เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไม่มีความหมาย
8.ยิ่งบทเรียนยากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
9.กุหลาบไร้หนามมีเพียงมิตรภาพเท่านั้น
10.อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ


11.แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาวไม่เท่ากัน นับประสาอะไรกับความยั่งยืนของชีวิต
12.โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ
13.ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม
14.ไม่มีใครเข้มแข็งตลอดไปและไม่มีใครอ่อนแอตลอดกาล
15.บางครั้งเราก็เหมือนคนตาบอดมีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้คือการคลำทางเดินหน้าต่อไป
16.อย่าเกลียดน้ำตาเพราะมันคือเพื่อนแท้ อย่าเกลียดความอ่อนแอเพียงเพราะมันไม่ใช่ความเข้มแข็ง
17.มีเพียงชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้นที่ควรค่าแก่การมีชีวิต
18.ทุกอย่างมีค่าเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรจะทำมันอีก
19.คนฉลาดย่อมไม่นำแต่ตาม ย่อมไม่พูดแต่ฟัง
20.ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด ต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณไม่ได้พูด


21.อวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด
22.คนที่ว่าคนอื่นโง่ บุคคลนั้นโง่ยิ่งกว่า คนที่ว่าคนอื่นฉลาด บุคคลนั้นคือผู้ฉลาดอย่างแท้จริง
23.ฝันได้แต่อย่าหวัง
24.เรียนรู้ที่จะแพ้อย่างผู้ชนะ แล้วจะรู้จักกับคำว่าชัยชนะที่แท้จริง
25.นักปราชญ์ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
26.ความยึดถือคือความเจ็บปวด
27.พระเจ้าไม่ได้รักเรามากกว่าคนอื่น และไม่ได้รักคนอื่นมากกว่าเรา
28.อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต
29.ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต
30.สิ่งร้ายๆจะมาพร้อมกับสิ่งดีๆเสมอ


31.โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
32.ตัวเรายังไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร
33.ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง
34.แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง แต่งใจด้วยความดี
35.ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง
36.เดินคนเดียวอาจไม่รู้สึกดีอะไร แต่อย่างน้อยก็มีที่แกว่งแขนมากขึ้น
37.ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม
38.ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เพราะทุกปัญหาแก้ไขได้
39.ถ้าไม่ลองก้าวจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองวิ่งได้
40.ตึกสูงระฟ้ามาจากก้อนอิฐ


41.ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ยอมรับสิ่งที่เป็น มองเห็นข้อดีคนอื่น หยัดยืนด้วยขาตัวเอง
42.เราจะรู้รสชาติของความสุขก็ต่อเมื่อเราผ่านความทุกข์มาก่อน
43.ปัญหามีไว้แก้ และต้องแก้ด้วยตัวเองไม่ใช่ยืมมือคนอื่นมาแก้
44.จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ
45.ทุกคนมีคุณค่าเพียงแต่มีโอกาสแสดงคุณค่าไม่เท่ากัน
46.บางทีการได้เจอปัญหามันก็ดีเหมือนกัน
47.สิ่งที่ผ่านมาแล้วจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
48.ไม่ว่าใครจะตายหรือหายไป สุดท้ายโลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
49.น้ำตาให้ได้แค่ความเห็นใจ
50.ในการที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดทุกครั้งควรคิดถึงจุดจบด้วย

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : saladtv.kr

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือน

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือน
ข่าวของ MOEL ฉบับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือนจากวันที่กลับประเทศ (แต่เดิม 6 เดือน)

กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี (MOEL) มีประกาศเลขที่ 2011-335 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เรื่องแรงงานที่ตั้งใจทำงาน สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีกหลัง 3 เดือน จากวันที่กลับประเทศ

ปัจจุบัน แรงงานต่างชาติที่กลับประเทศเนื่องจากการครบระยะเวลาทำงานที่ได้รับอนุญาตต้องรอ 6 เดือน ถึงจะสามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก โดยไม่มีการรับรองการทำงานที่สถานประกอบการเดิมและต้องผ่านการสอบภาษาเกาหลีและการอบรม

รัฐบาลเกาหลีประกาศเรื่องการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการจ้างงแรงงานต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2555 ว่า ผู้ที่หมดระยะเวลาทำงาน (4 ปี 10 เดือน) หลังวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 และนายจ้างผู้ที่มีความประสงค์ที่จะจ้างแรงงานต่างชาติรายเดิมต่อ ต้องยื่นคำขอที่ศูนย์จัดหางาน (Job Center) ก่อนที่แรงงานจะเดินทางกลับประเทศ

ในครั้งนี้ แก้ไขกฎหมายเพื่อสนองความต้องการนายจ้าง ซึ่งอยากจะจ้างแรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือและมีประสบการณ์ทำงาน และเพื่อป้องกันแรงงานผิดกฎหมาย

ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลีตัดสินโควต้าแรงงานต่างชาติและนำเพียงแรงงานต่างชาติรายใหม่เท่านั้น ต่อไปนี้จะไม่เพิ่มโควต้าแรงงานต่างชาติ แต่จะนำแรงงานต่างชาติที่มีประการณ์ทำงานในเกาหลีในบางส่วน

การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ มีเรื่องเกี่ยวกับการย้ายงานด้วย ปัจจุบันในกรณีที่ย้ายงานเนื่องจากความผิดของนายจ้าง เช่น ยกเลิกการจ้างงาน หรือผิดสัญญาจ้าง เป็นต้น รวมในจำนวนครั้งที่นับว่าย้ายงาน แต่ต่อไปนี้ไม่รวมในจำนวนย้ายงาน (ปัจจุบันแรงงานต่างชาติสามารถย้ายงานได้ 3 ครั้ง ใน 3 ปีแรก และไม่สามารถย้ายงานมากกว่า 2 ครั้งในช่วงเวลาจ้างต่อ 2 ปี)

ขั้นตอนการยื่นคำขอจ้างแรงงานต่างชาติเดิม และเรื่องรายละเอียดจะแจ้งอีกต่อไป

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : epsthailand.wordpress.com

การคำนวณค่าล่วงเวลา ตามกฎหมายแรงงานสาธารณรัฐเกาหลี



การทำงานล่วงเวลา  เป็นการทำงานนอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ (8 ชั่วโมง) ต้องเป็นการตกลงยินยอมระหว่างฝ่ายนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานแรงงาน การคำนวณค่าล่วงเวลา มีดังนี้
ค่าล่วงเวลาการทำงานกะกลางวันและกะกลางคืน (นอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมง) ชั่วโมงละ 150 % หรือเท่ากับ 6,165 วอน จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 150 % )กรณีทำงานล่วงเวลา ระหว่าง 22.00 น.– 06.00 น. ชั่วโมงละ 200 % หรือเท่ากับ 8,220 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 200 % )
ค่าล่วงเวลา+วันหยุด เวลาทำงาน 8 ชั่วโมงแรก (ไม่รวมเวลาพัก)ชั่วโมงละ 150 % หรือเท่ากับ 6,165 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 150 % ) เวลาทำงานตั้งแต่ชั่วโมงที่ 9 ชั่วโมงละ 200 % หรือเท่ากับ 8,220 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 200 % )
ค่าล่วงเวลา + วันหยุด + กะกลางคืน (ระหว่าง 22.00 น. – 06.00 น.) ชั่วโมงละ 250 % หรือเท่ากับ 10,275 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 250 % )
ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานแรงงาน กรณีทำงานในการกสิกรรม เลี้ยงสัตว์ ประมง ได้รับการยกเว้นในการจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุด

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา:work2korea.info