รัฐบาลเกาหลีใต้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2555

     คณะกรรมาธิการค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งมีนาย Park Joon-sung ประธานคณะกรรมาธิการได้มีการประกาศผลวินิจฉัยพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2555 เป็นชั่วโมงละ 4,580 วอน ซึ่งเป็นการปรับขึ้น 6.0% หรือ 260 วอนต่อชั่วโมงจากปี 2554 ซึ่งกำหนดไว้อัตราชั่วโมงละ 4,320 วอน
ในปี 2555 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับผู้ที่ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (209 ชั่วโมงต่อเดือน) เท่ากับ 957,220 วอน

ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านความสามารถภาษาเกาหลี (กระดาษ) EPS-TOPIK ครั้งที่ 11

ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน >>>คลิ๊กที่นี่ครับ

กรมการจัดหางานจึงประกาศรายชื่อผู้ผ่านการทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี (EPS-TOPIK)         เพื่อจัดส่งข้อมูลให้นายจ้างเกาหลีคัดเลือกไปทำงานตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System for Foreign Workers : EPS) ครั้งที่ 11 ตามบัญชีรายชื่อที่ HRD Korea แจ้งให้ทราบแนบท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ผลการทดสอบความสามารถภาษาเกาหลีมีกำหนดเวลา 2 ปี หลังจากวันทดสอบดังกล่าว ตามใบประกาศนียบัตรการผ่านการทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี (EPS-TOPIK) ที่ HRD Korea ออกให้

ตัวอย่างข้อสอบ EPS-TOPIK เวอร์ชั่้นล่าสุด


ตัวอย่างข้อสอบ EPS-TOPIK เวอร์ชั่้นล่าสุด

ตัวอย่างข้อสอบ EPS-TOPIK เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้จะเริ่มใช้ในการสอบความสามารถภาษาเกาหลีตั้งแต่ครั้งที่ 11 และการสอบ EPS-TOPIK-CBT เป็นต้นไป

การดาวน์โหลดมีอยู่ 2 ส่วนคือ ตัวอย่างข้อสอบแบบ Peper และไฟล์เสียงสำหรับข้อสอบการฟัง
1.  ตัวอย่างข้อสอบ EPS-TOPIK   Download คลิ๊กที่นี่เลยครับ (เป็นไฟล์ PDF บีบอัดด้วย WinRAR)
2. ไฟล์เสียงสำหรับใช้กับข้อสอบการฟังจำนวน 960 ข้อ 
(เนื่องจากไฟล์ของเสียงใหญ่มาก ไม่สามารถอัฟโหลดได้พร้อมกันทั้งหมด จึงแบ่งไฟล์เป็น Part ตามลำดับของข้อสอบ โดยคลิ๊กที่ Download ของแต่ละ Part ได้เลย)

คู่มือคนไทยในการเดินทางไปต่างประเทศ

คู่มือคนไทยในการเดินทางไปต่างประเทศ

1.  ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

     ควรศึกษาเกี่ยวกับประเทศนั้นให้รอบคอบว่าประเทศที่จะเดินทางไปนั้น มีกฎหมายห้ามการนำสิ่งของใดเข้าประเทศ ในบางประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย การนำอาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดร้ายแรงเข้าประเทศจะมีโทษถึงประหารชีวิต โดยติดต่อขอทราบรายละเอียดจากสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศที่จะเดินทางไป

2.  ไม่ควรรับฝากสิ่งของจากผู้อื่น
     เว้นแต่จะได้ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยตนเองแล้วว่าสิ่งของนั้นไม่เป็นของที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธ หรือสารต้องห้าม เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่ปลายทางตรวจพบจะยากในการแก้ข้อหา

3.  ควรจำหรือพกพา หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของสถานทูต และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศไว้ตลอดเวลาเพื่อใช้ติดต่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน

4.  หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญมาก
     เก็บหนังสือเดินทางไว้กับตัว และควรถ่ายสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด อย่ามอบให้ใคร เก็บไว้นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองที่มีสิทธิขอดูและตรวจสอบ และในกรณีที่หนังสือเดินทางหายให้แจ้งความต่อตำรวจท้องถิ่น และนำใบแจ้งความมาติต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตและสถานกงสุลไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อขอออกเอกสารการเดินทางแทน กรณีเช่นนี้หากมีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงก็จะช่วยให้ออกเอกสารเดินทางได้เร็วขึ้น

5.  ควรหมั่นตรวจสอบอายุวีซ่า
     เพราะหากวีซ่าขาดอายุ ท่านอาจถูกปรับ จำคุก และ/หรือส่งตัวกลับประเทศไทยได้

6.  กรณีประสบเหตุร้ายในต่างประเทศ
     เช่น ประสบอุบัติเหตุ ถูกล่อลวงไปค้าประเวณี ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยมิชอบ ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากสถานทูต สถานกงสุลไทยทุกแห่ง แม้ว่าท่านอาจไม่มีหนังสือเดินทางหรือวีซ่าขาดอายุ หรือเป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก็ตาม

7.  ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน
     ควรแจ้งชื่อ ที่อยู่ ให้สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยประจำประเทศที่ไปอยู่ทราบ รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกครั้ง เพื่อทางสถานทูต สถานกงสุลไทย สามารถติดต่อท่านได้ในยามฉุกเฉินและจัดทำทะเบียนคนไทยเพื่อให้การช่วยเหลือในกรณีมีเหตุจำเป็น รวมทั้งแจ้งญาติ บุคคลในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทให้ทราบไว้ด้วย

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : consular.go.th

แนะนำ.....สื่อการเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง

วันนี้มีสื่อการเรียนรู้ภาษาเกาหลีเบื้องต้นด้วยตนเองมาให้ทุกท่านที่สนใจได้ฝึกกันครับ สามารถดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในเครื่อง แล้วก็เปิดอ่านได้ทุกเวลาที่ต้องการครับ

นี่เป็นตัวอย่างที่นำมาให้ดู

สื่อการเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง
เรียนรู้ภาษาเกาหลีเบื้องต้นด้วยตนเอง 

สื่อการเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง
เรียนรู้ภาษาเกาหลีเบื้องต้นด้วยตนเอง 


ดาวโหลด.......ที่นี่

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : pingbook.com

อสท.เกาหลี เปิดคอร์ส สอนภาษาเกาหลี ขั้นพื้นฐานระดับ 2


นางวู เบียง ฮี ผู้อำนวยการ (Mrs.Woo,Byong-hee) องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท.เกาหลี) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า อสท.เกาหลีได้เปิดสอนภาษาเกาหลีขั้นพื้นฐาน ระดับ 1 ฟรี สำหรับ ผู้ที่สนใจภาษาเกาหลี มากว่า 4 ปี ที่โคเรียพลาซ่า เอสพลานาด รัชดาภิเษก โดลตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยในและคอร์สมีผู้สมัครเรียนมากกว่า 500 คน แต่อสท.เกาหลี สามารถรับได้เพียง 50 คนท่านเท่านั้น
                ตั้งแต่เดือนตุลาคม นี้เป็นต้นไป อสท.เกาหลี จะเปิดคอร์สเรียน ภาษาเกาหลี เพิ่มขึ้นอีก 1 คอร์ส สำหรับ ผู้ที่เคยเรียน ขั้นพื้นฐาน 1 มาก่อน โดยจะเริ่มเรียน ทุก ๆ วันพุธ เวลา 17.00-19.00 ตั้งแต่ เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป (1 คอร์ส เรียน 3 เดือน )
                ผู้ที่สนใจต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูรายละเอียด และสมัครออนไลน์ ได้ที่ www.kto.or.th หรือสอบถามรายละเอียดที่ โคเรียพลาซ่า เอสพลานาด รัชดาภิเษก 02-3542080

อสท.เกาหลี เปิดคอร์ส สอนภาษาเกาหลี ขั้นพื้นฐานระดับ 2
เรียนภาษาเกาหลีฟรี


ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : kto.or.th

คุณ...........พร้อมมาทำงานที่ประเทศเกาหลีแล้วหรือยัง ?

เครื่องบินกำลังจะบินลงที่สนามบินอินชอนครับ แล้วคุณ...........พร้อมมาทำงานที่ประเทศเกาหลีแล้วหรือยัง ?

คุณ...........พร้อมมาทำงานที่ประเทศเกาหลีแล้วหรือยัง ?

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
By : konthai122

วันนี้...เอารูปเงินเกาหลีมาให้ดูกัน

ทุกท่านที่จะเดินทางเข้ามาทำงานหรือมาท่องเทียวที่ประเทศเกาหลี จะต้องได้จับได้ใช้เงินเกาหลีอย่างแน่นนอน แต่สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเดินทางเข้ามาที่เกาหลีอาจจะยังไม่เคยเห็นว่าเป็นรูปอย่าไง นี่หละครับ...เงิน..เงิน..เงิน..และก็เงิน เป็นใบละ 1 หมื่นวอนครับ ประมาณ 268 บาท

เงินเกาหลี
เงินเกาหลี 10,000 วอน

เงินเกาหลี

 **ทั้งหมดประมาณ 30,000 บาท  ครั้งต่อไปจะนำเช็คเกาหลีมาให้ดูกันครับ

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
By : konthai122

ตัวอย่างสัญญาการจ้างงานประเทศเกาหลี

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ  แต่สำหรับความเป็นจริงแล้วมีบางส่วนที่ในสัญญาอาจจะไม่ตรงกัน  เช่น  ในสัญญาอาจจะบอกว่าไม่มีโอที่  แต่พอได้ทำงานจริงแล้วกลับเป็นว่ามีโอทีทุกวันก็มี บางใบสัญญาบบอกว่าไม่มีวันหยุด แต่ทำงานจริงแล้วกลับหยุดเสาร์-อาทิตย์ซะงั้น แต่บางอย่างก็ตรงนะครับ
ตัวอย่างสัญญาการจ้างงานประเทศเกาหลี
ตัวอย่างสัญญาจ้างงาน 1
ตัวอย่างสัญญาการจ้างงานประเทศเกาหลี
ตัวอย่างสัญญาจ้างงาน 2



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
By : konthai122

ข่าว สัญญาจ้างที่ไม่ระบุวันสิ้นสุดการจ้างงาน

สัญญาจ้างที่ไม่ระบุวันสิ้นสุดการจ้างงาน

ด้วยฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้รับการร้องขอจากแรงงานไทยในเขตเมืองพาจู จังหวัดเคียงคี และเมืองคอเจ จังหวัดเคียงซางนัม ให้ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการนับวันสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน กรณีสัญญาจ้างงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างไม่ระบุวันสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน
     ฝ่ายแรงงานฯ ได้มีหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลีโดยกระทรวงแรงงานฯ แจ้งผลการวินิจฉัยดังนี้
          1. สัญญาจ้างงานที่ไม่ระบุวันสิ้นสุดสัญญา ถือว่าสัญญานั้นมีระยะเวลาจ้างงาน 3 ปี ตามมาตรา 16 แห่งกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ในกรณีที่ลูกจ้างต้องการย้ายสถานประกอบการ จะต้องได้รับการอนุญาตจากนายจ้างก่อน
          2. ลูกจ้างทุกคนจะได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับค่าจ้าง สวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เท่าเทียมกัน ตามมาตรา 17 แห่งกฎหมายมาตรฐานแรงงาน
     จึงขอแจ้งผลการวินิจฉัยของกระทรวงแรงงานและการจ้างงานมาเพื่อทราบ


ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
By : konthai122

สนร. เกาหลีใต้เข้าร่วมประชุมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554


ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล โดยนางวรรณพร ชูอำนาจ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ได้เข้าร่วมประชุมและได้รับทราบแนวทางตามนโยบายจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สาธารณรัฐเกาหลี (Korea Immigration Service : KIS) มีสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ข้อมูลถึงเดือนกันยายน 2554 มีแรงงานต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งหมด 241,554 คน (เป็น EPS และถูกกฎหมาย 196,836 คน ผิดกฎหมาย 44,718 คน) และคาดว่าตั้งแต่ครึ่งปีหลังจะมีจำนวนแรงงานผิดกฎหมายมากขึ้น เนื่องจากครบระยะเวลาอนุญาตทำงาน 6 ปี และเพื่อปราบปรามแรงงานผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะลงโทษนายจ้างที่จ้างแรงงานผิดกฎหมายโดยบังคับให้จ่ายค่าปรับสูงสุด 20,000,000 วอน (ประมาณ 560,000 บาท) และขอความช่วยเหลือสถานเอกอัครราชทูตในการชักชวนแรงงานต่างชาติให้กลับประเทศด้วยความสมัครใจ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองออกนโยบายที่จะสนับสนุนแรงงานที่ทำงานอย่างถูกกฎหมาย โดยจะให้วีซ่าทำงาน E-7 ที่เป็นวีซ่าอาชีพเฉพาะ ซึ่งมีสิทธิประโยชน์มากกว่าแรงงาน E-9 มีคุณสมบัติที่สอดคล้องต้องตรงกัน คือทำงานถูกกฎหมายมากกว่า 4 ปี อายุไม่เกิน 35 ปี การศึกษาระดับปวช. ขึ้นไปของประเทศต้นสังกัด และมีประกาศนียบัตรความสามารถในการใช้ฝีมือ และผ่านการสอบภาษาเกาหลีระดับ 3

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : ฝ่ายแรงงาน ประจำสอท. ณ กรุงโซล

สถานที่อบรมก่อนเริ่มทำงานที่ประเทศเกาหลี

วันนี้นำรูปมาฝากครับ เป็นรูปสถานที่อบรมก่อนที่จะทำงานที่ประเทศเกาหลี อบรมเฉพาะงานอุตสาหกรรมเท่านั้นครับ มีหลายประเทศที่เข้ามาอบที่นี่ครับ เช่น เวียดนาม  มองโกเลีย  และประเทศไทยครับ นั่งรถจากสนามบินอินชอนมาถึงสถานที่อบรม ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ

สถานที่อบรมก่อนเริ่มทำงานที่ประเทศเกาหลี
สถานที่อบรมก่อนเริ่มทำงานที่ประเทศเกาหลี

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
By : konthai122

สิทธิประโยชน์จากการประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน

การประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน

สิทธิประโยชน์จากการประกันเจ็บป่วยและอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงาน มีดังนี้

(1) ค่ารักษาพยาบาล (Medical Care Benefits) เป็นเงินที่จ่ายให้แก่แรงงานที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจาก การทำงาน ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป ได้แก่ ค่าตรวจวินิจฉัย ค่ายา ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่าอวัยวะเทียม ค่าส่งต่อ
(2) ค่าทดแทนกรณีทุพลภาพชั่วคราว (Temporary Disability Benefits) เป็นเงินที่จ่ายให้แก่แรงงานในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายวันเฉลี่ย เพื่อทดแทนการขาดรายได้ระหว่างรับการรักษาพยาบาล
(3) ค่าทดแทนรายปี (Injury-disease compensation Annuity) เป็นเงินที่จ่ายให้แรงงานที่ได้รับการรักษาพยาบาลมานานกว่า 2 ปี แต่ยังไม่สิ้นสุดการรักษา จำนวนค่าทดแทนขึ้นอยู่กับระดับความพิการ ดังนี้
@ ความพิการระดับที่ 1 ได้รับค่าทดแทน 329 วันของค่าจ้างเฉลี่ย
@ ความพิการระดับที่ 2 ได้รับค่าทดแทน 291 วันของค่าจ้างเฉลี่ย
@ ความพิการระดับที่ 3 ได้รับค่าทดแทน 257 วัน ของค่าจ้างเฉลี่ย
(4) ค่าทดแทนกรณีทุพพลภาพถาวร (Permanent Disability) เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับแรงงานที่ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยจนพิการทางร่างกายหรือจิตใจ จำนวนเงินทดแทนขึ้นอยู่กับระดับความพิการ
(5) ค่าดูแล (Nersing Benefits) สำหรับแรงงานที่สิ้นสุดการรักษาพยาบาลแล้วแต่ยังจำเป็นต้องมีผู้ดูแลเป็นประจำหรือครั้งคราว
(6) ค่าทดแทนแก่ทายาท (Survivors Benefits) เป็นสิทธิประโยชน์ที่จ่ายแก่ทายาท หรือ ผู้อยู่ในอุปการะของแรงงานที่เสียชีวิตจากการทำงาน โดยเหมาจ่ายให้จำนวน 1,300 วันของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน
(7) ค่าจัดการงานศพ (Funeral Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายจริงที่จ่ายให้แก่ผู้จัดการศพของแรงงานที่เสียชีวิตจากการทำงาน โดยคำนวณจ่ายเท่ากับ 120 วันของค่าจ้างเฉลี่ยรายวัน แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 7,525,000 วอน และไม่เกิน 10,814,947 วอน

เงื่อนไขและแนวปฏิบัติในการรับเงินทดแทน
(1) กรอกแบบฟอร์มการได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน (3 ชุด) การได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ(ถ้ามี) และการเรียกร้องสิทธิในการรักษาพยาบาล พร้อมลง ลายมือชื่อแรงงานผู้ประสบอันตราย หรือทายาท นายจ้าง และสถานพยาบาล
(2) บันทึกการบาดเจ็บ ระบุวันที่ประสบอันตราย และรายละเอียดอื่นๆ
(3) ส่งเอกสารทั้งหมดไปยังสำนักงานสวัสดิการแรงงาน (Korea Labour Welfare Corporation : WELCO) พร้อมหลักฐานประจำตัว ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทาง, สำเนาบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว, สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากซึ่งมีชื่อแรงงานหรือทายาท, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบ้านของทายาท

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

การประกันสุขภาพของแรงงานไทย


ฎหมายประกันสุขภาพของสาธารณรัฐเกาหลี กำหนดให้นายจ้างต้องสมัครประกันสุขภาพให้แรงงานต่างชาติ (วีซ่า E 9)  ภายใน 14  วัน นับจากวันทำสัญญาจ้าง โดยนายจ้างและลูกจ้างจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพฝ่ายละ 50 %  ผู้เอาประกันจะได้รับบัตรประกันสุขภาพภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันสุขภาพ เพื่อใช้แสดงตนเมื่อขอรับบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้   ผู้เอาประกันจะได้รับการคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ใช่สาเหตุมาจากการทำงาน 

ระบบประกันสุขภาพของสาธารณรัฐเกาหลีเป็นระบบร่วมจ่าย แม้ผู้ป่วยจะมีประกันสุขภาพแล้วก็ตาม ผู้ป่วยจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทุกครั้งที่พบแพทย์ โดยมีอัตราการร่วมจ่ายระหว่าง 20 – 60 % ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสุขภาพกำหนด ขึ้นอยู่กับประเภทการรักษาพยาบาล (ผู้ป่วยนอก/ผู้ป่วยใน) และสถานพยาบาล เช่น คลินิก โรงพยาบาลทั่วไป  โรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค   
ในกรณีของแรงงานต่างชาติอยู่ทำงานอย่างผิดกฎหมาย จะไม่สามารถสมัครประกันสุขภาพของรัฐได้ 

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้าง (แทจิกกึม)

เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้าง (แทจิกกึม)

 เงินรางวัลสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเงินแทจิกกึม    เป็นเงินที่นายจ้างในสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 5 คนขึ้นไป จ่ายให้กรณีแรงงานต่างชาติทำงานกับนายจ้างไม่น้อยกว่า 1 ปีเป็นเงินมูลค่า   เท่ากับค่าจ้าง 30 วัน โดยนายจ้างจะต้องจ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของการทำงาน   หากนายจ้าง ฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านวอน

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

50 คำคมดีๆ


1.คาดหวังให้สูงเข้าไว้และแน่นอนว่าต้องเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังด้วย
2.ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
3.ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้
4.คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้
5.อุปสรรคล้วนเป็นยาขม ไม่มีใครอยากลิ้มลอง แต่ขึ้นชื่อว่ายาขม ส่วนใหญ่มักเป็นยาดีเสมอ
6.ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ความสุขในคราวต่อมาเป็นความสุขที่แท้จริง
7.เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไม่มีความหมาย
8.ยิ่งบทเรียนยากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
9.กุหลาบไร้หนามมีเพียงมิตรภาพเท่านั้น
10.อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ


11.แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาวไม่เท่ากัน นับประสาอะไรกับความยั่งยืนของชีวิต
12.โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ
13.ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม
14.ไม่มีใครเข้มแข็งตลอดไปและไม่มีใครอ่อนแอตลอดกาล
15.บางครั้งเราก็เหมือนคนตาบอดมีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้คือการคลำทางเดินหน้าต่อไป
16.อย่าเกลียดน้ำตาเพราะมันคือเพื่อนแท้ อย่าเกลียดความอ่อนแอเพียงเพราะมันไม่ใช่ความเข้มแข็ง
17.มีเพียงชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้นที่ควรค่าแก่การมีชีวิต
18.ทุกอย่างมีค่าเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรจะทำมันอีก
19.คนฉลาดย่อมไม่นำแต่ตาม ย่อมไม่พูดแต่ฟัง
20.ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด ต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณไม่ได้พูด


21.อวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด
22.คนที่ว่าคนอื่นโง่ บุคคลนั้นโง่ยิ่งกว่า คนที่ว่าคนอื่นฉลาด บุคคลนั้นคือผู้ฉลาดอย่างแท้จริง
23.ฝันได้แต่อย่าหวัง
24.เรียนรู้ที่จะแพ้อย่างผู้ชนะ แล้วจะรู้จักกับคำว่าชัยชนะที่แท้จริง
25.นักปราชญ์ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
26.ความยึดถือคือความเจ็บปวด
27.พระเจ้าไม่ได้รักเรามากกว่าคนอื่น และไม่ได้รักคนอื่นมากกว่าเรา
28.อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต
29.ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต
30.สิ่งร้ายๆจะมาพร้อมกับสิ่งดีๆเสมอ


31.โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
32.ตัวเรายังไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร
33.ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง
34.แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง แต่งใจด้วยความดี
35.ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง
36.เดินคนเดียวอาจไม่รู้สึกดีอะไร แต่อย่างน้อยก็มีที่แกว่งแขนมากขึ้น
37.ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม
38.ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เพราะทุกปัญหาแก้ไขได้
39.ถ้าไม่ลองก้าวจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองวิ่งได้
40.ตึกสูงระฟ้ามาจากก้อนอิฐ


41.ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ยอมรับสิ่งที่เป็น มองเห็นข้อดีคนอื่น หยัดยืนด้วยขาตัวเอง
42.เราจะรู้รสชาติของความสุขก็ต่อเมื่อเราผ่านความทุกข์มาก่อน
43.ปัญหามีไว้แก้ และต้องแก้ด้วยตัวเองไม่ใช่ยืมมือคนอื่นมาแก้
44.จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ
45.ทุกคนมีคุณค่าเพียงแต่มีโอกาสแสดงคุณค่าไม่เท่ากัน
46.บางทีการได้เจอปัญหามันก็ดีเหมือนกัน
47.สิ่งที่ผ่านมาแล้วจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
48.ไม่ว่าใครจะตายหรือหายไป สุดท้ายโลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
49.น้ำตาให้ได้แค่ความเห็นใจ
50.ในการที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดทุกครั้งควรคิดถึงจุดจบด้วย

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : saladtv.kr

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือน

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือน
ข่าวของ MOEL ฉบับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555

แรงงานที่มีความตั้งใจทำงานจริง สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก หลัง 3 เดือนจากวันที่กลับประเทศ (แต่เดิม 6 เดือน)

กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี (MOEL) มีประกาศเลขที่ 2011-335 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เรื่องแรงงานที่ตั้งใจทำงาน สามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีกหลัง 3 เดือน จากวันที่กลับประเทศ

ปัจจุบัน แรงงานต่างชาติที่กลับประเทศเนื่องจากการครบระยะเวลาทำงานที่ได้รับอนุญาตต้องรอ 6 เดือน ถึงจะสามารถเดินทางเข้าทำงานในเกาหลีใต้ได้อีก โดยไม่มีการรับรองการทำงานที่สถานประกอบการเดิมและต้องผ่านการสอบภาษาเกาหลีและการอบรม

รัฐบาลเกาหลีประกาศเรื่องการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการจ้างงแรงงานต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2555 ว่า ผู้ที่หมดระยะเวลาทำงาน (4 ปี 10 เดือน) หลังวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 และนายจ้างผู้ที่มีความประสงค์ที่จะจ้างแรงงานต่างชาติรายเดิมต่อ ต้องยื่นคำขอที่ศูนย์จัดหางาน (Job Center) ก่อนที่แรงงานจะเดินทางกลับประเทศ

ในครั้งนี้ แก้ไขกฎหมายเพื่อสนองความต้องการนายจ้าง ซึ่งอยากจะจ้างแรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือและมีประสบการณ์ทำงาน และเพื่อป้องกันแรงงานผิดกฎหมาย

ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลีตัดสินโควต้าแรงงานต่างชาติและนำเพียงแรงงานต่างชาติรายใหม่เท่านั้น ต่อไปนี้จะไม่เพิ่มโควต้าแรงงานต่างชาติ แต่จะนำแรงงานต่างชาติที่มีประการณ์ทำงานในเกาหลีในบางส่วน

การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ มีเรื่องเกี่ยวกับการย้ายงานด้วย ปัจจุบันในกรณีที่ย้ายงานเนื่องจากความผิดของนายจ้าง เช่น ยกเลิกการจ้างงาน หรือผิดสัญญาจ้าง เป็นต้น รวมในจำนวนครั้งที่นับว่าย้ายงาน แต่ต่อไปนี้ไม่รวมในจำนวนย้ายงาน (ปัจจุบันแรงงานต่างชาติสามารถย้ายงานได้ 3 ครั้ง ใน 3 ปีแรก และไม่สามารถย้ายงานมากกว่า 2 ครั้งในช่วงเวลาจ้างต่อ 2 ปี)

ขั้นตอนการยื่นคำขอจ้างแรงงานต่างชาติเดิม และเรื่องรายละเอียดจะแจ้งอีกต่อไป

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : epsthailand.wordpress.com

การคำนวณค่าล่วงเวลา ตามกฎหมายแรงงานสาธารณรัฐเกาหลี



การทำงานล่วงเวลา  เป็นการทำงานนอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ (8 ชั่วโมง) ต้องเป็นการตกลงยินยอมระหว่างฝ่ายนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานแรงงาน การคำนวณค่าล่วงเวลา มีดังนี้
ค่าล่วงเวลาการทำงานกะกลางวันและกะกลางคืน (นอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมง) ชั่วโมงละ 150 % หรือเท่ากับ 6,165 วอน จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 150 % )กรณีทำงานล่วงเวลา ระหว่าง 22.00 น.– 06.00 น. ชั่วโมงละ 200 % หรือเท่ากับ 8,220 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 200 % )
ค่าล่วงเวลา+วันหยุด เวลาทำงาน 8 ชั่วโมงแรก (ไม่รวมเวลาพัก)ชั่วโมงละ 150 % หรือเท่ากับ 6,165 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 150 % ) เวลาทำงานตั้งแต่ชั่วโมงที่ 9 ชั่วโมงละ 200 % หรือเท่ากับ 8,220 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 200 % )
ค่าล่วงเวลา + วันหยุด + กะกลางคืน (ระหว่าง 22.00 น. – 06.00 น.) ชั่วโมงละ 250 % หรือเท่ากับ 10,275 วอน (จำนวนชั่วโมง X 4,110 X 250 % )
ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานแรงงาน กรณีทำงานในการกสิกรรม เลี้ยงสัตว์ ประมง ได้รับการยกเว้นในการจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุด

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา:work2korea.info

VDO การป้องกันอาการปวดหลัง

 

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO วิธีการป้องกันอัคีภัยและการใข้เครื่องมือดับเพลิง



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO อุปกรณ์ป้องกันและการเลื่อกใช้และการใช้งาน



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO หลักความปลอดภัยเบื้องต้น



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO วิธีการป้องกันอัคคีภัยและการใข้เครื่องมือดับเพลิง



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO ที่ทำงานของเราปลอดภัยไหม



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO ชีวิตปลอดภัยของชีวิต



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO ความปลอดภัยในการใช้เครื่องกด



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO ความปลอดภัยในการขนส่งในโรงงาน




ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO ความปลอดภัยและสุขอนามัยเบื้องต้นในโรงงานอุตสาหกรรมสำหรับแรงงานต่างชาติ


ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

VDO การป้องกันอุบัติเหตุการขาดออกซิเจน



ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : workinkorea.org

การปกครองในเกาหลี




การปกครองในเกาหลี

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2  ในปี พ.ศ. 2491 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเส้น ละติจูดที่ 38 องศาเหนือ (มักเรียกว่าเส้นขนาน 38) โดยสหภาพโซเวียตดูแลเกาหลีเหนือมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ส่วนสหรัฐอเมริกาดูแลเกาหลีใต้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และศาลทำหน้าที่ทางตุลาการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู กวางจู แตชอน)

อบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

ประวัติศาสตร์เกาหลีใต้


ประวัติศาสตร์เกาหลีใต้

มนุษย์เริ่มเข้าไปตั้งรกรากในบริเวณที่เป็นประเทศเกาหลีในปัจจุบันเมื่อประมาณ 500,000 ปี ก่อนอาณาจักรแรกได้แก่ โคโชซอน (โชซอนโบราณ) ตั้งขึ้นเมื่อ 2,333 ปี ก่อนคริสตศักราช และในช่วงหนึ่งศตวรรษก่อนคริสตศักราช คาบสมุทรเกาหลีทั้งหมดและดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศแมนจูเรียอยู่ภายใต้การปกครองของสามอาณาจักร คือ โคกูเรียว แพ็กเจ และชิลลา นับเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจสูงสุดในแถบนั้น เป็นที่รู้จักกันว่า ยุคแห่งสามอาณาจักร ระหว่าง 57 ปีก่อน คริสตศักราช ถึงปี ค.ศ. 668

ในปี ค.ศ.668 และ 660 ตามลำดับ อาณาจักร โคกูเรียว และแพ็กเจ ได้พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรชิลลา จึบงเป็นการรวมเอาดินแดนในคาบสมุทรเข้าด้วยกันในปี ค.ศ. 676 ยุคชิลลารวมอาณาจักร (ปี ค.ศ. 676-935) นับเป็นยุคทองของวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะทางด้านพุทธศิลป์ ต่อมาในยุคอาณาจักรโคเรียว (ปี ค.ศ.918-1392) มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชนชั้นปกครองขึ้น พุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติ และมีอิทธิพลต่อระบบการเมืองการปกครองเป็นอย่างมาก ชื่อประเทศเกาหลีก็มาจากคำว่า โคเรียว นั่นเอง

ปี ค.ศ.1392-1910 อยู่ในสมัยราชวงศ์ โชซอน อันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศเกาหลี มีการปฏิรูปการเมืองการปกครองอย่างเอาจริงเอาจัง ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือ การยกย่องให้ลัทธิขงจื้อกลายเป็นคติธรรมประจำชาติ การสร้างสรรค์งานด้านวรรณศิลป์ และการประดิษฐ์ตัวอักษร ฮันกึล ในปี ค.ศ.1443 ทำให้ยุคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมเกาหลี มีเมืองฮันยาง ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อโซล เป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ.1394 ปราสาทและกำแพงเมืองจากในยุคนี้ยังคงมีให้เห็นจนกระทั่งปัจจุบัน

ราชวงศ์โชซอนได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1910 ภายหลังการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีได้ตกเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 35 ปี จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองได้สิ้นสุดลงในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 กองทัพญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม และถอนกำลังออกจากประเทศเกาหลีซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ คือประเทศเสรีทางใต้และประเทศคอมมิวนิสต์ทางเหนือ สามปีต่อมาประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งอยู่ทางใต้จึงจัดตั้งรัฐบาลอิสระได้สำเร็จ

สงครามเกาหลีได้ระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1950 เมื่อเกาหลีเหนือบุกเกาหลีใต้ และในที่สุดก็มีการลงนามในสัญญาสงบศึกในปี ค.ศ.1953 หลังสงครามดังกล่าว เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการฟื้นฟูประเทศให้มั่นคงและมั่งคั่งอีกครั้งหนึ่ง

ดันกุนและพงศาวดารแห่งต้นกำเนิดของเกาหลี
ในราวพันปีมาแล้ว ในยุคที่วานึง บุตรแห่งสวรรค์ปกครองโลกอยู่นั้น มีหมีและเสืออย่างละหนึ่งตัวอยากเป็นมนุษย์มาก ๆ มันจึงสวดมนต์ขอพรต่อวานึงเพื่อประสิทธิ์ประสาทพรนี้ให้แก่มัน วานึงประทับใจ และสงสารสัตว์สองตัวนี้ยิ่งนักที่มันมีความมั่นคงในสิ่งที่มันต้องการ และวานึงก็สัญญาจะแปลงร่างของมันทั้งสอง แต่มีข้อแม้ว่ามันต้องเข้าไปอยู่ในถ้ำมืดเป็นเวลา 100 วัน และดำรงชีพด้วยกระเทียมและผักขมเกาหลีเท่านั้น เมื่อเสือเข้าไปอยู่ในถ้ำ และออกล่าสัตว์ไม่ได้ ความอดทนของมันหมดไปและมันก็เลิกล้มความคิดที่อยากเป็นมนุษย์ ส่วนหมีทนอยู่ในถ้ำได้ถึง 21 วัน และวานึงก็แปลงร่างมันให้เป็นหญิงสาว เมื่อ หมีกลายเป็นหญิงสาวแล้ว มันก็ขอให้วานึงให้หาคู่ครองกับมัน วานึงเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้มีความงดงามมาก จึงเข้าพิธีวิวาห์เสียเอง หลังจากนั้นทั้งสองได้ให้กำเนิด บุตรชายชื่อว่า ดันกุน ผู้ซึ่งในภายหลังได้ก่อตั้งอาณาจักรนามว่า โคโชซอน ในปี 2333 ก่อนคริสต์กาล และนี่ก็คืออาณาจักรแรกเริ่มในคาบสมุทรเกาหลี

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : kto.or.th

ระบบการรับแรงงานต่างชาติในเกาหลี


การจ้างงานในเกาหลี
ประเทศเกาหลีมีระบบการรับแรงงานต่างชาติ  2 ระบบ คือ

1.ระบบการฝึกงาน (Training System) รัฐบาลเกาหลีอนุญาตให้องค์กรตัวแทนผู้ประกอบการจัดทำข้อตกลงนำเข้าแรงงาน ต่างชาติกับบริษัทจัดหางานที่ได้รับมอบหมายจัดส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานใน 3 สาขา คือ ภาคอุตสาหกรรม ภายใต้การดำเนินการของสมาพันธ์ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางแห่งเกาหลี (Korea Federation of Small and Medium Business : KFSB) ภาคก่อสร้าง ภายใต้การดำเนินการของสมาคมก่อสร้างเกาหลี (The Construction Association of Korea: CAK) และภาคเกษตร ภายใต้การดำเนินการของสมาพันธ์ความร่วมมือด้านการเกษตรแห่งชาติ (National Agricultural Cooperative Federation: NACF)
       - คนงาน ทำงานในฐานะผู้ฝึกงาน จะได้รับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ไม่ต่ำกว่า เดือนละ 567,260 วอน)  โดยนายจ้างจัดอาหารและที่พักให้
       - บริษัทจัดหางาน ที่ได้รับมอบหมายให้จัดส่งแรงงาน มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลคนงานตลอดระยะเวลาที่ทำงานในเกาหลี และสามารถเรียกเก็บค่าบริการและค่าใช้จ่ายจากคนงานได้ตามที่กฎหมายกำหนด และต้องผ่านการประเมินขององค์กรตัวแทนผู้ประกอบการ จึงจะได้รับการต่อสัญญาได้
2.ระบบใบอนุญาตทำงาน (Work Permit System) กระทรวงแรงงานเกาหลีคัดเลือกให้ 6 ประเทศ มีสิทธิจัดส่งคนหางานไปทำงานตามโครงการอนุญาตการจ้างแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System: EPS) ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และมองโกเลีย ในส่วนของประเทศไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานใน เกาหลี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2547 โดยกระทรวงแรงงานไทย (กรมการจัดหางาน) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานผู้ส่งคนหางานให้กระทรวงแรงงานเกาหลี โดยสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกาหลี (Human Resources Development Service: HRD) MoU มีกำหนดระยะเวลา 2 ปี สามารถแก้ไขหรือขยายได้ โดยการพิจารณาร่วมกันของกระทรวงแรงงานของไทยและเกาหลี
   
            สัญญาจ้างงาน สิทธิประโยชน์ของคนหางานตามระบบ EPS
             - สัญญาจ้างงานมีกำหนด ระยะเวลา ครั้งละ 1 ปี สามารถต่อสัญญาได้ คนงาน สามารถทำงานในเกาหลี ได้ 3 ปี
             - ค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คือ 700,600 วอน (ประมาณ 27,500 บาท)
             - ได้รับการคุ้มครองและสวัสดิการขั้นต่ำตามกฎหมายแรงงานกำหนด เช่นเดียวกับแรงงานท้องถิ่น เช่น ความประกันอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน การประกันสุขภาพ และค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่น
             -  กรมการจัดหางานกำหนดเงื่อนไขการจัดส่งคนหางาน ให้นายจ้างจัดที่พักที่เหมาะสมให้คนงานโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ต้องจ่ายค่าจ้างในช่วงการทดลองงานไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และลักษณะงานต้องเป็นงานที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
 ณ. เดือน มิถุนายน  2549   มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี ประมาณ 37,200 คน  เป็นแรงงานที่เข้าไปทำงานอย่างกฎหมาย ทั้งโดยระบบ EPS  และระบบ Traning  จำนวน 25,750 คน เป็นลักลอบเข้าไปทำงาน จำนวน 11,450 คน  จังหวัดที่มีแรงงานไทยทำงานเป็นจำนวนมากได้แก่ แถบซูวอน  อึยจองบู อินซาน อัลซาน โอซาน อินซาน โพชอน  ดงพูชอน ยองอิน เพียงแท็ค หยางจู  ในแต่ละเดือนแรงงานไทยเหล่านี้สามารถสั่งเงินกลับประเทศประมาณ 450 ล้านบาท

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

การศึกษาในเกาหลี


การศึกษาในเกาหลี
การศึกษาในประเทศเกาหลีนั้นค่อนข้างแตกต่างจากประเทศไทยมา เริ่มจากการนับอายุ จะเริมนับอายุตั้งแต่ตั้งท้อง เพราะฉะนั้นคนเกาหลีจะเหมือนอายุมากกว่าไปหนึ่งปีทั้งๆที่เกิดปีเดียวกับเรา ระบบการศึกษา

ระดับที่1 ระดับอนุบาล
อายุตั้งแต่ 3-6 ปี นักเรียนจะไปโรงเรียนตั้งแต่ 8.00-4.00 น. แล้วหลังจากนั้นก็ไปเรียนพิเศษต่อ (ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะให้ลูกไปเรียนพิเศษต่ออีกจะเริ่มให้ลูกเรียนตั้งแต่ อยู่ชั้นอนุบาล) แต่จะมีรถโรงเรียนไปรับไปส่งถึงบ้านรถจะมีลักษณะสี่เหลืองเป็นรถตู้ และรถบัสขนาดเล็ก

ระดับที่ 2 ระดับประถมศึกษา
อายุตั้งแต่ 7-12 ปี เวลาไปเรียนก็เช่นเดียวกันกับเด็กอนุบาล แต่จะไปเรียนพิเศษต่ออีก แต่อาจจะดึกกว่าเด็กอนุบาล ตั้งแต่อายุ7ขวบเด็กเกาหลีเริ่มเดินทางไปเรียนเองก็มี โดยไปรถเมล์หรือรถไฟใต้ดิน

ระดับที่3 ระดับมัธยมต้น
อายุตั้งแต่ 13-15 ปี นี้ก็เช่นเดียวกันกับระดับประถมศึกษา

ระดับที่4 ระดับมัธยมตอนปลาย
อายุตั้งแต่ 16-18 ปี เวลาก็เช่นเดียวกัน แต่ ระบบการเรียนจะไม่มีสายวิทย์ - คณิต หรือ สายศิลป์ จะเรียนทั้งหมด ถ้าอายุ 18 กำลังจะไปต่อมหาลัย เด็กที่นี้จะไปเรียนพิเศษจนถึงเกิบเที่ยงคืนถึงจะกลับบ้าน กลับบ้านแล้วก็ยังต้องไปอ่านหนังสือต่ออีกด้วย

ระดับที่ 5 อายุ 19-21 ปี ระดับอุดมศึกษา
แบบที่1 วิทยาลัย ศึกษา 2-3 ปี
แบบที่ 2 มหาวิทยาลัยอุตสาหกรรม
แบบที่ 3 มหาวิทยาลัยเพื่ิอการศึกษา
แบบที่ 4 มหาวิทยาลัยทางเทคโนโลยี่
แบบที่5 มหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาผ่านดาวเทียม

ในระดับมหาวิทยาลัยของเกาหลีจะไม่มีเครืองแบบ จะมีก็เป็นบ้างมหาลัยเท่านั้นแต่ส่วนใหญ่ จะใส่ชุดอะไรก็ได้ แต่ระบบมหาวิทยาลัยก็เรียน7-8วิชาเหมือนกับมหาวิทยาลัยบ้านเรา

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

ภูมิศาสตร์เกาหลี


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
คาบสมุทรเกาหลีทอดตัวไปทางทิศใต้ทางด้านตะวันออกของทวีปเอเชีย มีความยาว 1,020 กิโลเมตร (612 ไมล์) และกว้าง 175 กิโลเมตร (105 ไมล์) ณ จุดที่แคบที่สุดของคาบสมุทร พื้นที่ 70% ของประเทศเป็นเทือกเขา จึงจัดเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของแผ่นดินที่เป็นหินแกรนิตและหินปูนทำให้เกิด ภูมิประเทศที่สวยงามอย่างมหัศจรรย์ ประกอบด้วยเทือกเขาและหุบเขา เทือกเขา ตลอดชายฝั่งด้านตะวันออกสูงชันและทอดตัวลงสู่ทะเลตะวันออก ในขณะที่ชายฝั่งทางด้านใต้ และตะวันตก เทือกเขาค่อย ๆ ลาดลงต่ำสู่ที่ราบชายฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีโดยเฉพาะในด้านการ ผลิตข้าว คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ที่บริเวณเหนือเส้นขนานที่ 38 คือ ประเทศระบอบประชาธิปไตย สาธารณรัฐเกาหลีอยู่ทางใต้ และประเทศระบอบคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ โดยถูกคั่นกลางโดยเขตปลอดทหาร ประเทศเกาหลีใต้มีพื้นที่ 99,500 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 47.9 ล้านคน (ค.ศ. 2003) ประกอบด้วย 9 จังหวัด (โด) กรุงโซลเป็นเมืองหลวงของประเทศ และประกอบด้วยเมืองใหญ่ ๆ 6 เมือง คือพูนซาน แทกู อินชน ควางจู แทจอน และ อุลซาน รวมมีเมืองทั้งหมด 77 เมือง (ซี) 88 มณฑล (กุน) ใน 9 จังหวัด

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

ศาสนาเกาหลี

พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 915 โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโกคุริโอ คือ ประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้ขยายเข้ามาในเกาหลีอย่างรวดเร็ว เพียงระยะเวลา 20 ปี ก็มีการสร้างวัดขึ้นมากมาย เฉพาะเมืองหลวงแห่งเดียว 9 วัด ประเทศเกาหลี ในสมัยก่อนนั้นประกอบด้วย 3 อาณาจักรคือ โกคุริโอ แพกเจ และซิลลา แต่ผู้นำทั้ง 3 อาณาจักรก็นับถือพระพุทธศาสนา และให้การสนับสนุนกิจการต่างๆ อันที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเสมอ และที่สำคัญได้ทรงถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ส่งเสริม และให้การศึกษาแก่ประชาชน และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน พร้อมทั้งสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ พระพุทธศาสนาจึงมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมา

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th

นโยบายด้านแรงงานในเกาหลี

แรงงานไทยในเกาหลี

สาธารณรัฐเกาหลีได้เร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมจนเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NICS)   มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในระดับแนวหน้าของ
เอเชีย ซึ่งการพัฒนาดังกล่าว จำเป็นต้องใช้กำลังแรงงานในภาคการผลิตของระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก แต่กฎหมายเกาหลี คือ Exit and Entry Control Act 1977 ไม่อนุญาตให้มีการจ้างแรงงานต่างชาติ ยกเว้นงานพิเศษบางประเภท และการเข้าไปฝึกอบรมการทำงานหรือเข้าไปทำงานผ่านบริษัทร่วมทุนของเกาหลี ดังนั้นเกาหลีจึงประสบปัญหาการขาดแคลนกำลังแรงงาน  โดยเฉพาะแรงงานกึ่งฝีมือและไร้ฝีมือ  ด้วยเหตุที่ชาวเกาหลีไม่นิยมทำงานไร้ฝีมือ ประเภท 3D ได้แก่ งานสกปรก (Dirty) งานยากลำบาก (difficult) งานเสี่ยงอันตราย (dangerous) จึงมีแรงงานจากประเทศต่างๆ ลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากได้ค่าตอบแทนสูง คาดว่าจำนวนแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายในเกาหลีอาจมากถึง 380,000 คน แรงงานต่างชาติผิดกฎหมายในเกาหลี  ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไทย อินเดีย ปากีสถาน พม่า และจีน

          เมื่อปัญหาการขาดแคลนกำลังแรงงานมีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ   ดังนั้นในปี 36 รัฐบาลเกาหลีได้เปิดโอกาสให้โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลางนำเข้าแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่กับบริษัทร่วมทุนของเกาหลีกับต่างชาติเข้าไปทำงานในเกาหลี ในรูปของการฝึกงาน (Training) เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และได้ขยายระยะเวลาการฝึกงานเป็นไม่เกิน 3 ปีในเวลาต่อมา
    ภายหลังการดำเนินนโยบายรับผู้ฝึกงาน รัฐบาลเกาหลี พบว่า การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังแรงงานของประเทศไม่ประสบความสำเร็จ   ทั้งยังทำให้ปัญหาแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ฝึกงานจำนวนมากหลบหนีสัญญาฝึกงานไปลักลอบทำงานที่อื่น ซึ่งได้ค่าจ้างสูงกว่า ประกอบกับระบบการรับผู้ฝึกงานอุตสาหกรรมได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายโดยเฉพาะ NGOs ด้านแรงงานว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะคนต่างด้าวได้ค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าปกติ  มีสภาพการทำงานที่หนัก สกปรกและเสี่ยงอันตราย ดังนั้น รัฐบาลเกาหลีจึงนำระบบการนำเข้าแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System for Foreigner: EPS) ควบคู่กันไปกับระบบ Traning  ซึ่งนโยบายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเกาหลี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2546 และมีผลบังคับใช้วันที่ 17 สิงหาคม 2547 โดยอนุญาตให้แรงงานต่างชาติทำงานได้เฉพาะใน 5 สาขากิจการ คือ
1.    อุตสาหกรรมการผลิต ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีพนักงานประจำน้อยกว่า 300 คน
2.    การประมง ในกิจการประมงชายฝั่งที่มีเรือลากอวนขนาด 10-25 ตัน
3.    การเกษตรและเลี้ยงสัตว์
4.    การก่อสร้าง ในกิจการที่มีงบโครงการไม่เกิน 3 หมื่น ล้านวอน
5.    การบริการ ในงาน 6 ประเภท ได้แก่ งานในภัตตาคาร งาน Business support service เช่น งานทำความสะอาดตึก งานบริการสังคม งานทำความสะอาด งานดูแลผู้ป่วย งานผู้ช่วยงานบ้าน
      อย่างไรก็ตามแม้จะอนุญาตให้สถานประกอบการนำเข้าแรงงานต่างชาติได้  รัฐบาลเกาหลีก็ได้พยายามลดการใช้แรงงานต่างชาติ โดยให้กระทรวงการค้าอุตสาหกรรมและพลังงานเกาหลีตั้งงบประมาณ สำหรับเพื่อใช้เป็นเงินอุดหนุนให้แก่โรงงานที่จ้างแรงงานชาวเกาหลีทดแทนแรงงานต่างชาติ โดยกำหนดจ่ายเงิน 500,000 วอนต่อการจ้างแรงงานทดแทน 1 คน เพื่อเป็นการสร้างงานให้แก่ชาวเกาหลีใต้ที่ว่างงาน และได้กำหนดมาตรการให้ลดอัตราการจ้างงานผู้ฝึกงานทางอุตสาหกรรมลงร้อยละ 80 จากจำนวนในปัจจุบัน โดยจะลดโควตาผู้ฝึกงานทางอุตสาหกรรมของประเทศผู้ส่งออกแรงงานในเกาหลีลง 2 ใน 3 แต่สำหรับกิจการที่มีขนาดเล็กและไม่สามารถจ้างแรงงานท้องถิ่นที่มีค่าจ้างสูงได้ จะยังคงได้รับอนุญาตให้จ้างแรงงานต่างชาติได้ต่อไป
          แม้ว่าอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลีจะเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2003  แต่ด้วยเหตุที่มูลค่าสินค้าส่งออกยังคงขยายตัวในอัตราสูงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  ธนาคารแห่งชาติเกาหลีประมาณการว่า ในปี 2006 อัตราความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศ จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5  แต่การที่กำลังแรงงานใหม่ของเกาหลีนิยมทำงานในสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่จ่ายค่าตอบแทนสูง มีสวัสดิการดี  ทำให้สถานประกอบการของกลางและขนาดเล็กอันเป็นหน่วยผลิตที่สำคัญของเศรษฐกิจ  ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเช่นเดิม  คาดว่ารัฐบาลเกาหลีจะดำเนินนโยบายอนุญาตให้นำเข้าแรงงานต่างชาติต่อไปอีกระยะหนึ่ง  ขณะนี้กระทรวงแรงงานเกาหลี อยู่ระหว่างดำเนินการทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจัดส่งแรงงานกับประเทศผู้ส่ง จำนวน 6 ประเทศ  คือ อินโดนีเซีย  มองโกลเลีย  ศรีลังกา  ฟิลิปปินส์  ไทย  เวียดนาม  และจะมีประเทศผู้ส่งใหม่อีก 4   ประเทศคืออุซาเบกิสถาน  ปากีสถาน เขมร และจีน โดย มีโควต้าการนำเข้าแรงงานต่างชาติ ปี 2006  จำนวน 34,750 คน ในระยะต่อไป สาธารณรัฐเกาหลีจะพิจารณาเพิ่มจำนวนประเทศผู้ส่งแรงงานอีก ได้แก่ อิหร่าน พม่า บังคลาเทศ เนปาล คาซัคสถาน ยูเครน เคอติซสถาน

ขอบคุณที่ติดตามบล็อก konthai 122
ที่มา : korea.mol.go.th